อีกหนึ่งอาชีพเกษตรที่ใช้ระยะเวลาในการคืนทุนในระยะเวลาในการเก็บเกี่ยวผลผลิตสั้นสามารถทำได้ง่ายๆ
ไม่มีขั้นตอนยุ่งยากก็คืออาชีพเพาะเห็ด เป็นอาชีพที่เหมาะสำหรับคนที่ไม่อยากทำเกษตรแบบมือเปื้อนดิน
ไม่ว่าจะทำเป็นอาชีพเสริม เป็นรายได้เสริม หรือจะผลักดันให้เป็นอาชีพหลักสร้างรายได้
เป็นธุรกิจครอบครัว ก็สามารถทำได้ เพียงเราทำความเข้าใจถึงสภาวะปัจจัยต่างๆที่ทำให้เกิดดอกเห็ดนั่นเอง ในบทความนี้ผมจะมาแนะนำข้อควรรู้ก่อนที่จะเข้าสู่อาชีพเพาะเห็ด
เพื่อให้เข้าใจถึงสภาวะการเกิดของเห็ดชนิดต่างๆพอเป็นแนวทางนะครับ
เห็ดจัดว่าเป็นเชื้อราที่มีประโยชน์เป็นเชื้อราที่กินได้ขยายพันธุ์ด้วยการอาศัยสปรอร์จากดอกเห็ดเป็นเชื้อราที่สามารถเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติก็จริง
แต่ก็มีเห็ดบางชนิดที่มนุษย์เราสามารถนำมาเพาะเลียนแบบธรรมชาติได้ เห็ดที่นิยมเพาะกันในประเทศไทยก็มีอยู่ด้วยกัน
2 กลุ่มคือ
1. เห็ดที่มนุษย์เราสามารถเลี้ยงเชื้อเองได้เพาะเองได้แบบไม่ต้องอาศัยธรรมชาติ
เช่นเห็ดฟาง เห็ดนางฟ้า เห็ดโคนน้อยหรือเห็ดถั่วเป็นต้น
2. สองคือเห็ดที่เกิดแบบอาศัยธรรมชาติล้วนๆมนุษย์เราไม่สามารถเพาะเองได้
แต่สามารถจำลองหรือสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้เห็ดพวกนี้เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นเห็ดตับเต่า
เห็ดเผาะ เห็ดระโงก เห็ดปลวกหรือเห็ดโคนป่าเป็นต้น
สภาวะปัจจัย
อุณหภูมิความชื้น ระยะเวลา และฤดูกาลในการเกิดของดอกเห็ดแต่ละชนิดย่อมแตกต่างกัน
ผมจะอธิบายให้ฟังเป็นข้อๆของเห็ดเศรษฐกิจที่นิยมเพาะในประเทศไทยดังนี้
1.เห็ดฟาง
สามรถเพาะได้กับอาหารเสริมชนิดต่างๆเช่น
ฟางข้าว ต้นกล้วยสับตากแห้ง เปลือกถั่วเขียว ผักตบชวา จอกแหน กากมันสำปะหลัง
ทะลายปาล์ม อุณหภูมิที่เส้นใยสามารถรวมตัวกันเป็นดอกเห็ดได้จะอยู่ที่ 35-40 องศา
สามารถเพาะได้หลากหลายวิธีเช่น เพาะในตะกร้า เพาะในกระสอบ เพาะลงแปลง
หรือเพาะแบบโรงเรือนก็ได้ อายุในการเกิดดอกเห็ดตั้งแต่เริ่มเพาะจากก้อนเชื้อจะอยู่ที่
7-15 วัน แล้วแต่พื้นที่ และสภาพอากาศ ฤดูกาลที่เหมาะสมที่สุดในการเพาะเห็ดฟางให้ได้ผลผลิตสูง
คือการเพาะเห็ดฟางในหน้าแล้งรองลงมาก็คือฤดูฝน ส่วนหน้าหนาวอุณหภูมิต่ำไม่แนะนำให้เพาะเห็ดฟางเพราะผลผลิตจะน้อย
ก้อนเชื้อหาซื้อได้ทั่วไปผ่านเว็บไซต์ หรือจะสั่งซื้อผ่านเพจเฟสบุ๊คก็ได้
2.เห็ดนางฟ้า
เป็นเห็ดที่สามารถเลี้ยงเชื้อเองได้โดยส่วนใหญ่เราจะเห็นก้อนเห็ดชนิดนี้ที่อัดอยู่ในก้อนเชื้อที่ทำจากขี้เลื่อยไม้ยางพารา
เป็นเห็ดที่ชอบความชื้นไม่ชอบอากาศร้อนส่วนใหญ่นิยมเพาะกันแบบโรงเรือน
หรือเพาะในวงบ่อซีเมนต์ เพาะในโอ่ง
หรือแม้กระทั่งการเอาก้อนเชื้อเห็ดที่มีเส้นใยเดินเต็มมาวางไว้ในห้องน้ำที่มีความชื้นก็สามารถทำให้เห็ดออกดอกได้
อายุการเกิดดอกเห็ดจะอยู่ที่ 5-7 วันหลังเปิดก้อนหรือหลังเพาะ
เนื่องจากเป็นเห็ดที่ชอบสภาพอากาศที่ชุ่มชื้น ไม่ต้องการอุณหภูมิสูงมาก
การเพาะเห็ดนางฟ้าในหน้าฝนจึงถือว่าเหมาะสมและให้ผลผลิตสูงกว่าหน้าร้อนหรือหน้าหนาวนั่นเอง
หาซื้อได้ทั่วไปผ่านเว็บไซต์ หรือจะสั่งซื้อผ่านเพจเฟสบุ๊คก็ได้
3.เห็ดโคนน้อยหรือเห็ดถั่ว
จัดว่าเป็นเห็ดที่สามารถเพาะได้ทุกฤดูกาล
หลังจากเพาะเลี้ยงสามารถเก็บผลผลิตได้ใน 7 วัน เนื่องจากเป็นเห็ดที่มีช่วงอายุสั้นๆประมาณ
24 ชั่วโมงต้องรีบเก็บ ไม่อย่างนั้นดอกเห็ดจะเปลี่ยนสี วัสดุเพาะก็หาได้ทั่วไปอย่างเช่น
ฟางข้าว ต้นข้าวโพด ต้นถั่ว ทะลายปาล์ม ผักตบชวา และต้นกล้วย สามารถเพาะแบบโรงเรือน
เพาะแบบตะกร้า หรือเพาะในถุงพลาสติกก็ได้ หาซื้อได้ทั่วไปผ่านเว็บไซต์ หรือจะสั่งซื้อผ่านเพจเฟสบุ๊คก็ได้
เห็ดกลุ่มที่สอง
คือเห็ดที่เกิดแบบอาศัยธรรมชาติล้วนๆเราไม่สามารถนำเชื้อหรือสปอร์ของเห็ดพวกนี้เพาะแบบโรงเรือน
แต่เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมให้เหมาะกับการเกิดของเห็ดเหล่านี้ได้ เช่น
1.เห็ดตับเต่า ส่วนใหญ่จะพบเห็นในช่วงเดือนพฤษภาคม
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพฟ้าฝนในแต่ละปีประกอบกับความอุดมสมบูรณ์ของแต่ละพื้นที่ด้วย
จัดเป็นเชื้อรา Mycorrhizae
(เชื้อราไมคอร์ไรซา) เป็นการอยู่รวมกันระหว่างเห็ดกับรากพืช จะเกื้อกูลกันแบ่งปันประโยชน์ซึ่งและกันนั่นเอง
เป็นเห็ดที่สามารถพบเห็นได้ในหน้าฝนช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน
อาจเห็นเห็ดชนิดนี้เกิดตามข้างห้วย ข้างร่องน้ำ ใต้ต้นไม้ใหญ่บางชนิด เป็นเห็ดที่ชอบความชุ่มชื้น
เป็นไมคอร์ไรซ่าที่อาศัยอยู่กับรากไม้ หรือเรียกว่าต้นไม้อาศัยเช่นมะกอกน้ำ ลำไย
ต้นหว้า ต้นมะม่วง ต้นแค ต้นโสน และมีอีกหลายชนิดที่เป็นที่อาศัยของเห็ดราชนิดนี้ ในการจะเพาะเห็ดชนิดนี้เพียงเรานำเชื้อหรือสปอร์จากดอกเห็ดแก่มาเทราดที่โคนต้นไม้อาศัยต่างๆที่กล่าวมาก็จะทำเห็ดออกที่โคนต้นไม้นั้นตลอดอายุของต้นไม้เลยทีเดียว
ระยะเวลาในการเกิดดอกเห็ดอาจใช้เวลานานหลังราดสปอร์ประมาณครึ่งปี
หรือเป็นปีแล้วแต่ความสมบูรณ์ของพื้นที่และต้นไม้อาศัยนั่นเอง สปอร์เห็ดแบบน้ำหาซื้อได้ทั่วไปผ่านเว็บไซต์หรือเพจเฟสบุ๊คก็ได้
2.เห็ดเผาะ เห็ดระโงก เป็นเห็ดที่เราสามารถพบเห็นได้ในช่วงต้นฤดูฝน ส่วนใหญ่จะพบเห็นในช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน.คือเห็ดเผาะจะออกก่อนเห็ดระโงก
ส่วนเห็ดระโงกจะพบเห็นได้ในช่วงเดือนถัดมาคือประมาณเดือนกรกฎาคม-ตุลาคมจะมีเว้นช่วงประมาณ2สัปดาห์-1เดือน
อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพฟ้าฝนด้วย จัดเป็นไมคอไรซ่าMycorrhizae (เชื้อราไมคอร์ไรซา) เป็นการอยู่รวมกันระหว่างเห็ดกับรากพืช
เป็นเห็ดที่เกิดเองตามธรรมชาติ เห็ดเผาะและเห็ดระโงกถือว่าเป็นเห็ดป่าที่ไม่สามารถสร้างโรงเรือนเพาะเองได้
แต่เราสามารถนำสปอร์ของเห็ดมาราดหรือฝังไว้ที่โคนต้นไม้อาศัยให้เกิดดอกเห็ดเหมือนเห็ดตับเต่าได้
ไม้อาศัยของเห็ดชนิดนี้ได้แก่ ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้เหียง ไม้พะยอม ไม้พยุง ยางนา
เป็นต้น ระยะเวลาในการเกิดดอกเห็ดอาจใช้เวลานานหลังราดสปอร์ประมาณครึ่งปี
หรือเป็นปีแล้วแต่ความสมบูรณ์ของพื้นที่และต้นไม้อาศัยนั่นเอง สปอร์เห็ดแบบน้ำหาซื้อได้ทั่วไปผ่านเว็บไซต์หรือเพจเฟสบุ๊ค
3. เห็ดปลวกหรือเห็ดโคนป่า
เป็นเห็ดที่เราสามารถพบเห็นได้ตามป่าเขาทั่วไปเช่นป่าดิบชื้น
ในช่วงหน้าฝนช่วงเดือนกันยายน – พฤศจิกายน
การเกิดของเห็ดชนิดนี้จะอาศัยปลวกเพียงไม่กี่สายพันธุ์เท่านั้นและสายพันธุ์ปลวกที่ว่าต้องมีในพื้นที่นั้นๆด้วย
เป็นเห็ดที่ไม่ใช่ไมคอรัยซ่า คือไม่อาศัยรากพืช มนุษย์เราไม่สามารถเพาะเองได้
แต่จำลองธรรมชาติให้เห็ดชนิดนี้เกิดขึ้นได้นั่นก็คือนำสปอร์ของเห็ดมาล่อปลวกให้มากิน
หรือคาบไปในรังปลวก กระบวนการเกิดดอกเห็ดปลวกก็จะดำเนินต่อไปอาจใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปี
เราอาจราดสปอร์สร้างรังปลวกจำลองปีนี้ ดอกเห็ดอาจเกิดปีหน้า
ทั้งหมดนี้คือข้อมูลคร่าวๆที่ผมได้รวบรวมนำมาบอกเล่าสู่กันฟัง
เผื่อเกษตรกรผู้สนใจอยากทดลองเพาะเห็ดไว้รับประทานในครัวเรือน
หรือทำเป็นอาชีพเสริมในช่วงพักตัวอยู่บ้าน และข้อควรรู้อีกอย่างที่ผมอยากแนะนำคือการที่เราจะลงทุนทำอะไรขอให้ศึกษารายละเอียดต่างๆให้เข้าใจแบบไม่ต้องจำ
เพราะถ้าอาศัยแค่ความจำเราจะไม่เข้าใจ
และไม่ควรลงทุนสูงเกินไปอย่างการที่เราจะเพาะเห็ดแนะนำให้ลงทุนทีละน้อยทำกินในครัวเรือน
มองหาเศษวัสดุเหลือใช้ที่มีในชุมชนของเราอย่างเช่นฟางข้าว เปลือกถั่ว ต้นข้าวโพด
ต้นกล้วย ต่างๆเหล่านี้ล้วนนำมาเป็นวัสดุในการเพาะเห็ดได้ทั้งนั้น
อาจสั่งซื้อก้อนเชื้อมาสัก 4 – 5 ก้อนลงทุนแค่หลักร้อยก่อนนำมาเพาะไว้กินเองในครัวเรือน
พอเราเข้าใจในวิธีการจากการทำจริงมองเห็นตลาดที่ตอบรับโดยเน้นตลาดในชุมชนเอาไว้ก่อนค่อยขยับขยายต่อไป